Categories:

ชีวิตดีมีคุณภาพ หลังวัยเกษียณกับประกันสังคม

วันที่ประกาศ : 2/6/2551

ชีวิตดี มีคุณภาพ หลังวัยเกษียณ..กับประกันสังคม
          ในอนาคตอันใกล้นี้สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น เราสามารถวิเคราะห์ได้จากข้อมูลการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจากกองทุนประกันสังคมซึ่งเพิ่มขึ้นโดยในไตรมาสที่ 1 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2550 ) มีการจ่ายสิทธิประโยชน์ จำนวน 21,250 ราย จำนวนเงิน 430,693,233 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 (1 มกราคม – 31 มีนาคม 2551) จำนวน 26,566 ราย จำนวน 637,107,378 ล้านบาท ซึ่งอัตราการเติบโตของผู้รับบำเหน็จชราภาพระหว่างไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 25.02 เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มผู้ใช้แรงงานเข้าสู่วัยเกษียณอายุมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนในชาติจะเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเช่นกัน
          สำนักงานประกันสังคมตระหนักถึงเรื่องนี้ตลอดมา โดยได้เริ่มจัดเก็บเงินสมทบกรณีชราภาพเมื่อธันวาคม 2541 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการออมให้กับผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบในช่วงที่มีรายได้จากการทำงาน เพื่อไว้ยังชีพในยามชรา การจ่ายเงินของผู้ประกันตนในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้างรายเดือนที่ไม่รวมค่าล่วงเวลาและ ค่าทำงานในวันหยุด ร้อยละ 3 จะเป็นเงินออมกรณีชราภาพ และนายจ้างร่วมจ่ายสมทบอีก ร้อยละ 3 ของค่าจ้างดังกล่าว รวมเป็น ร้อยละ 6 ซึ่งสำนักงานประกันสังคมได้รวบรวมเงินสมทบที่ได้รับไปบริหารจัดการลงทุน เพื่อก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น โดยเงินออมและรายได้จากการลงทุนดังกล่าว ได้เตรียมไว้จ่ายเป็นบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ ตามเงื่อนไขของการรับสิทธิของผู้ประกันตนแต่ละคน โดยปัจจุบันนี้ ผู้ประกันตนจำนวน 9.18 ล้านคนมีเงินออมรวมกันมากถึง 4 แสนล้านบาท (รวมผลตอบแทนจากการลงทุนที่ผ่านมา) ทำให้เป็นกองทุนที่มีความเข้มแข็ง มีอำนาจในการต่อรองในการลงทุน เช่น ในปี 2550 ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมสามารถบริหารเงินกองทุนดังกล่าว ทำให้อัตราผลตอบแทนที่ได้รับอยู่ที่ ร้อยละ 6.30 ต่อปี
          ผู้ประกันตนจะได้รับเงินออมกรณีชราภาพคืนในรูปบำเหน็จหรือบำนาญ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการส่งเงินสมทบ กล่าวคือ หากผู้ประกันตนส่งเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน อายุครบ 55 ปี และไม่ได้ทำงานแล้ว จะได้รับเป็น เงินบำเหน็จชราภาพ ส่วนผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน มีอายุครบ 55 ปีและไม่ได้ทำงานแล้ว จะได้รับเป็น เงินบำนาญชราภาพ (จะมีผู้ประกันตนที่จะได้รับสิทธินี้ ในปี 2557) สำหรับผู้ที่อายุ 55 ปี และยังทำงานอยู่จะต้องถูกหักเงินสมทบต่อไป แต่สิทธิการรับบำนาญจะมากขึ้น ทั้งนี้ ระยะเวลาในการส่งเงินสมทบ จะติดต่อกันหรือไม่ก็ได้ รวมทั้งกรณีที่ความเป็นผู้ประกันตนได้สิ้นสุดลง (ลาออก ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต) ก็จะได้รับคืนเป็นบำเหน็จชราภาพ
          ถึงแม้ กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ จะครอบคลุมเพียงผู้ประกันตนจำนวน 9.18 ล้านคน แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของสำนักงานประกันสังคม ที่ได้มีส่วนร่วม ในการส่งเสริมการออมให้แก่คนไทย เพื่อให้ผู้ประกันตนได้มีเงินออมที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ในวัยเกษียณ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมยังมีความหวังว่าคนไทยจะมีความตระหนักถึงความสำคัญของการออมภายใต้เงื่อนไขของการใช้จ่ายประจำวันอย่างประหยัด อันจะส่งผลดีต่อตนเองและประเทศชาติในอนาคต

—————————————————–

ที่มา  ศูนย์สารนิเทศ สายด่วนประกันสังคม 1506 www.sso.go.th

Tags:

No responses yet

ใส่ความเห็น