Categories:

ประกันสังคมส่งเสริมการออมได้อย่างไร

เลขที่ :
วันที่ประกาศ : 24/3/2551

ประกันสังคมส่งเสริมการออม

          ปัจจุบันคนไทยในวัยทำงานจำนวนกว่า 12 ล้านคน ได้มีการออมเพื่อวัยเกษียณผ่านระบบการออมต่างๆ ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ครอบคลุมข้าราชการจำนวน 1.1 ล้านคน กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ ครอบคลุมผู้ประกันตนจำนวน 9.18 ล้านคน และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ครอบคลุมพนักงานเอกชนและรัฐวิสาหกิจจำนวน 2 ล้านคน โดยที่เงินออมทั้ง 3 ระบบมีจำนวนรวมกันมากกว่า 1.1 ล้านล้านบาท การส่งเสริมให้เกิดการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ นอกจากจะช่วยดูแลสวัสดิการและความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว ยังส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ช่วยให้ภาคเศรษฐกิจไทยได้มีแหล่งเงินนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ได้ ซึ่งรัฐบาลเองมีนโยบายที่จะผลักดันให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการออมภายใต้เงื่อนไขของการใช้จ่ายประจำวันอย่างประหยัด โดยสนับสนุนให้มีการออมในระดับครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
          สำนักงานประกันสังคมได้เริ่มจัดเก็บเงินสมทบกรณีชราภาพเมื่อปี 2542 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการออมจากผู้ประกันตนกว่า 9 ล้านคนทั่วประเทศ โดยให้ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบในช่วงที่ผู้ประกันตนทำงานเพื่อออมไว้ในรูปของบำเหน็จหรือบำนาญตามเงื่อนไขของการรับสิทธิ เพื่อไว้ยังชีพในยามชราโดยในจำนวนเงินสมทบ 5% ที่ผู้ประกันตนส่งสมทบ เข้ากองทุนประกันสังคมนั้น 3% เป็นเงินออมกรณีชราภาพ นายจ้างช่วยสมทบอีก 3% รวมเป็น 6% ซึ่งสำนักงานประกันสังคมออมเตรียมไว้จ่ายเป็นบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ ในขณะนี้ ผู้ประกันตนจำนวน 9.18 ล้านคนมีเงินออมรวมกันมากถึง 4 แสนล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจะกลายเป็นกองทุนที่มีความเข้มแข็ง มีอำนาจในการต่อรองในการลงทุน เช่นในปี 2550 ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมสามารถบริหารเงินกองทุนดังกล่าวทำให้อัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพที่จ่ายให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินบำเหน็จสูงถึง 6.30 ต่อปี
          ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะได้รับคืนเงินออมกรณีชราภาพซึ่งขึ้นอยู่กับการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน คือ เงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิก็ต่อเมื่อได้ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 180 เดือน และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง หรือเป็น ผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย เงินบำนาญชราภาพ ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิก็ต่อเมื่อได้ส่งเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะ 180 เดือน จะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง (จะมีผู้ประกันตนที่จะได้รับสิทธินี้ ในปี 2557)
          ถึงแม้ กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ จะคลอบคลุมเพียงผู้ประกันตนจำนวน 9.18 ล้านคน แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของสำนักงานประกันสังคม ที่ได้มีส่วนร่วม ในการส่งเสริมการออมให้แก่คนไทย เพื่อให้ผู้ประกันตนได้มีเงินออมที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพได้หลังวัยเกษียณ ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมก็ยังมีความหวังว่าคนไทยจะมีความตระหนักถึงความสำคัญของการออมภายใต้เงื่อนไขของการใช้จ่ายประจำวันอย่างประหยัด อันจะส่งผลดีต่อตนเองและประเทศชาติในอนาคต

——————————————————–

ศูนย์สารนิเทศ สายด่วนประกันสังคม 1506 www.sso.go.th

Tags:

No responses yet

ใส่ความเห็น