Categories:

ผู้ประกันตนได้สิทธิ 7 กรณี …มีอะไรบ้าง

เลขที่ :
วันที่ประกาศ : 21/3/2551

          สำนักงานประกันสังคม มีหน้าที่ให้ความคุ้มครองลูกจ้างในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป เมื่อประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ไม่เนื่องจากการทำงาน รวมถึงการคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และการว่างงาน ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ซึ่งสิทธิต่าง ๆ นี้ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิในแต่ละกรณี ได้แก่

          1.  กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ไม่เนื่องจากการทำงานผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ
                    – สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลที่ระบุไว้ในบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่หากเป็นกรณีฉุกเฉินไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิได้ ผู้ประกันตนสามารถเข้ารักษาได้ที่โรงพยาบาลใดก็ได้ที่อยู่ใกล้ที่สุด และควรให้ญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ให้รับทราบ โดยด่วน สำหรับค่ารักษาพยาบาลผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงแรก

          2.  กรณีทุพพลภาพ อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ
                    2.1  ได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท
                    2.2  ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้รายเดือนร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบตลอดชีวิต
                    2.3ได้รับค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ทุพพลภาพทางร่างกาย จิตใจและอาชีพ ตามประกาศสำนักงานประกันสังคมเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นไม่เกิน 40,000 บาท

          3.  กรณีตายอันไม่เนื่องจากการทำงาน ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ
               – ผู้จัดการศพ จะได้รับค่าทำศพ 40,000 บาท
               – ทายาทของผู้ตายจะได้รับเงินสงเคราะห์ ดังนี้
                    3.1กรณีที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ปี ทายาทหรือผู้มีสิทธิจะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ตายหนึ่งเดือนครึ่ง
                    3.2กรณีที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปทายาทหรือผู้มีสิทธิจะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ตาย 5 เดือน

          4.  กรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือผู้ประกันตนหญิง
                    4.1  ได้รับค่าคลอดบุตร 12,000 บาท
                    4.2  ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน 

ผู้ประกันตนชายที่มีภรรยาไม่ได้เป็นผู้ประกันตน
          -ใช้สิทธิได้ 2 ครั้ง โดยจะได้รับค่าคลอดบุตรเหมาจ่ายครั้งละ 12,000 บาทแต่ไม่มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร

เป็นผู้ประกันตนทั้งสามีและภรรยา
          -ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิได้คนละ 2 ครั้ง ซึ่งขอแนะนำให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิของภรรยาก่อนเนื่องจากจะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรด้วยนอกเหนือจากค่าคลอดบุตร 12,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามการใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 4 ครั้ง โดยบุตรที่นำมาใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตร แล้วไม่สามารถนำมาขอรับค่าคลอดบุตรได้อีก

          5.  กรณีสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ
                    – ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 350 บาทต่อบุตร 1 คน สำหรับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์เบิกได้คราวละไม่เกิน 2 คน

          6.  กรณีชราภาพ ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ
                    – เงินบำนาญชราภาพ
                    – ได้รับเมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงโดยจะได้รับเป็นรายเดือนไปตลอดชีวิต
                    – เงินบำเหน็จชราภาพ
                    – ได้รับเมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ ประกันตนสิ้นสุดลงหรือเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตายโดยจะได้รับเป็นเงินก้อนครั้งเดียว

          7.  กรณีว่างงาน ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ
                    – ผู้ประกันตนที่ว่างงานต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานและยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน ณ สำนักจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับจากวันแรกที่ว่างงาน
                    – ได้รับการจัดหางานให้ใหม่ตามความเหมาะสม
                    – จะได้รับการฝึกฝีมือแรงงานตามความจำเป็นต่องานใหม่ที่จะได้รับแต่อย่างไรก็ตามการเกิดสิทธิประโยชน์ในกรณีต่าง ๆ ข้างต้นนั้นยังคงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขในแต่ละกรณีด้วย ซึ่งจะแตกต่างกันไป สำนักงานประกันสังคมจึงอยากเน้นย้ำผู้ประกันตนควรศึกษาสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนพึงจะได้รับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมเองก็ได้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์อย่างสูงสุดอยู่ตลอดเวลา ผู้ประกันตนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 ติดต่อทางระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติให้บริการทุกวันตลอด24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00–19.00 น.หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sso.go.th

——————————————————–

ที่มา : ศูนย์สารนิเทศ สายด่วนประกันสังคม 1506 www.sso.go.th

Tags:

No responses yet

ใส่ความเห็น